ไวน์เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่กัญชาสามารถไปเป็นหนึ่งในส่วนผสมได้ ไวน์กัญชาเป็นเทรนด์อยู่ในต่างประเทศ แต่สินค้าประเภทนี้สามารถจำหน่ายอย่างถูกกฎหมายได้ในบางประเทศและบางรัฐเท่านั้น เนื่องจากกฎหมายด้านกัญชาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังถูกจำกัดอยู่
Weed wine สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักคือ
- Cannabis-infused wine เป็นไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ และนำส่วนของกัญชาลงไปหมักด้วย ด้วยวิธีการนี้รสชาติและสารสำคัญของกัญชาทั้ง THC, CBD จะถูกผสมไปในไวน์ทั้งหมด ทั้งรสชาติที่ดีและรสชาติไม่ดี ทำให้อาจเกิดกลิ่นฉุน เหม็นเขียวและไปรบกวนรสชาติของไวน์ได้ วิธีการนี้เป็นวิธีการแบบแรกเริ่มของการทำ Weed wine
- Cannabis-blended wine เป็นเทคโนโลยีที่เกิดจากบริษัท BevZero ในรัฐแคลิฟอร์เนีย อเมริกา โดยการสกัดของแอลกอฮอล์ในไวน์ออก แต่ยังคงเหลือกลิ่นและรสชาติของไวน์ได้อย่างครบถ้วน จากนั่นจึงผสม Cannabis Emulsion ลงไป ซึ่งเป็นการทำให้สารสำคัญของกัญชา นั่นคือ THC, CBD อยู่ในรูปของ Nanoemulsion ที่สามารถละลายลงในน้ำได้ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นรสฉุน แรง และร่างกายยังสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ดีกว่าการทานแบบปกติ อย่างไรก็ตามปริมาณการเติม Cannabis emulsion นั่นขึ้นกับความทนทานต่อสารสกัดกัญชาของแต่ละคนและควรเริ่มจากปริมาณน้อย
ทั้งไวน์และกัญชา เป็นสิ่งที่ให้ความผ่อนคลายทั้งคู่ กัญชาจะให้ความผ่อนคลายผ่านระบบ Endocannabinoid ของร่างกาย ส่วนไวน์จะให้ผ่านแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่กระแสเลือดและสูบฉีดไปทั่วร่างกาย ซึ่งอันที่จริงแล้วไวน์และกัญชา มีความเหมือนกันในหลาย ๆ อย่าง ในด้านกลิ่นและรสชาติ สภาพดินฟ้าอากาศ หรือศัพท์ในวงการไวน์ที่เรียกว่า Terroir ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปลูกกัญชาได้ หากเราได้ชิมกัญชาแต่ละสายพันธุ์คู่กับไวน์แต่ละประเภท เราจะพบว่ามีความเหมือนและเข้ากันได้เพราะกัญชาจะมีสารจำพวก Terpene ซึ่งจะให้กลิ่นรสและสรรพคุณต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์ตามแต่ละสายพันธุ์
ประเทศไทยในปัจจุบันยังไม่มีการอนุญาตให้ใช้กัญชาในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่แน่ว่าในอนาคตเราจะอาจได้เห็นเทรนด์ Weed wine จากโรงผลิตไวน์ในบ้านเราเอง
ที่มา: Wine Mag/ The Cannigma
อ่านเพิ่มเติมที่
https://cannigma.com/cannabis-news/wine-and-weed-tannins-and-terpenes/